ก่อนหน้านี้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Data Type ประเภทตัวเลข (Number) ประเภทข้อเท็จจริง (Boolean) และ ข้อความ (String) กันมาแล้ว ซึ่งทั้งสาม Data Type นี้สามารถเก็บค่าได้ทีละ 1 ค่าเท่านั้น เช่น ตัวแปร a เก็บค่า 10 เมื่อถูกเปลี่ยนค่า เป็น 20 ตัวแปร a ก็จะเก็บค่า 20 เท่านั้น ค่า 10 เดิมก็จะหายไป
a = 10
a = 20
print(a)
List
บทนี้เราจะมาเรียนรู้อีกหนึ่ง Data Type ที่สำคัญมากๆ ในการเขียนโปรแกรม นั่นคือ List ซึ่งอนุญาติให้เราสามารถเก็บค่าหลายๆ ค่าพร้อมกันได้ หรือที่เรียกว่า Collection ซึ่ง List จะถูกประกาศหรือสร้างขึ้นด้วยการใช้เครื่องหมาย brackets เปิดและปิด ตามตัวอย่าง
fruits = ["apple", "banana", "cherry"]
print(fruits)
จากตัวอย่างด้านบนคือ เราทำการสร้างตัวแปรชื่อ fruits ซึ่งเป็น Data Type ประเภท List โดยมีการเก็บค่าอยู่ 3 ค่า ที่เป็นข้อความ คือ “apple” , “banana” และ “cherry” เมื่อเราทำการแสดงผล (print) ค่า fruits ออกมาก็จะได้ค่าใน List แสดงออกมา
['apple', 'banana', 'cherry']
List Item
จากตัวแปร fruits ในตัวอย่างด้านบน เราเก็บค่า 3 ค่าที่เป็นข้อความเอาไว้ ซึ่งแต่ละค่า เราเรียกว่า List Item
ซึ่งใน หนึ่ง List เราสามารถเก็บค่าที่ซ้ำกันได้ และสามารถเก็บค่าต่าง Data Type ได้เช่นกัน โดยแต่ละ List Item จะถูกระบุตำแหน่ง (index) ไว้ เริ่มจาก 0 และเพิ่มทีละ 1 เรียงตามลำดับ
fruits = ["banana", True, "banana", 10]
print(fruits[0])
print(fruits[1])
print(fruits[2])
print(fruits[3])
จะเห็นว่าจากตัวอย่างด้านบน List สามารถเก็บค่าข้อความคำว่า “banana” ซ้ำกันได้ และสามารถเก็บค่าตัวเลข ค่า Boolean ผสมกับข้อความได้เช่นกัน
ขณะเดียวกัน จะเห็นว่าแต่ละ List Item ถูกระบุตำแหน่ง (index) เอาไว้ โดยเริ่มจาก 0 ตามลำดับใน List จนถึงตัวสุดท้าย คือ index = 3 เพราะใน List ตัวอย่างนี้เก็บค่า List Item เพียง 4 ตัว เราจึงสามารถระบุตำแหน่งของ List ในตัวอย่างได้ตั้งแต่ 0 ถึง 3 (4 ค่า คือ 0, 1, 2 และ 3) ซึ่งผลที่ได้จากการรันโค้ดด้านบนคือ
'banana'
True
'banana'
10
ขนาดของ List
เราสามารถใช้คำสั่ง len ในการหาจำนวนของ List Item ได้ จากตัวอย่างด้านล่าง ซึ่งค่าที่ได้จะมีค่าเท่ากับ 4
fruits = ["banana", "cherry", "banana", 10]
print(len(fruits))
หา Data Type ของตัวแปร List
เหมือนตัวแปรอื่นๆ เราสามารถใช้คำสั่ง type ในการหาชนิดของ Data Type ของตัวแปรประเภท List ได้เช่นกัน
fruits = ["banana", "cherry", "banana", 10]
print(type(fruits))
การใช้ List โดยปกติ
แม้ว่าภาษา Python จะอนุญาติให้เราใช้ หนึ่ง List ในการเก็บค่าหลายๆ ประเภท (Data Type) ผสมกันได้ใน List เดียว แต่โดยปกติ เรามักจะใช้ List ในการเก็บค่า Data Type เดียวกัน เพื่อความเข้าใจและง่ายต่อการจัดการในการเขียนโค้ด
list1 = ["apple", "banana", "cherry"]
list2 = [1, 5, 7, 9, 3]
list3 = [True, False, False]
คอร์ส Python for Kids
สอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง เฟสบุ๊ค คิดกับโค้ด
หรือกดแชทที่
ด้าน (ขวา) ล่างของเว็บไซต์เพื่อแชท
ทางทีมงานจะรีบตอบกลับให้เร็วที่สุดครับ ขอบคุณทุกท่านมากครับ
